สิวฮอร์โมนในผู้ชาย เป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น เมื่อเทียบกับสิวที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม สิวฮอร์โมนมักจะมีขนาดใหญ่ และมีความเจ็บปวดมากกว่า ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งบนผิวหน้า หลัง และหน้าอก
สาเหตุหลักมาจากการผลิตฮอร์โมนเพศ (เอนโดรเจน) ที่เพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่น ทำให้ต่อมน้ำมันบนผิวทำงานหนัก และสร้างน้ำมันที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป น้ำมันที่เกินจำเป็นนี้จะปะปนกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก ส่งผลให้เกิดการอุดตันที่ต่อมผิว กลายเป็นสิวอักเสบ
นอกจากนี้ ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และการใช้สารเคมีบางชนิด ยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้การผลิตฮอร์โมนเพิ่มขึ้น เป็นอีกสาเหตุของการเกิดสิว
การรักษาสิวฮอร์โมนในผู้ชาย
การทำความสะอาดผิว
ล้างหน้าสองครั้งต่อวัน เช้าและค่ำด้วยเจลล้างหน้าที่ไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป ส่วนใหญ่เจลล้างหน้าที่มีซัลฟูร์, ซิลิซายลิค แอซิด หรือบีนโซอิล โปรอกไซด์สามารถช่วยลดการผลิตน้ำมันได้
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านการอักเสบ: เช่น ซิลิซายลิค แอซิด หรือนิโคตินามิด สามารถช่วยลดสิวได้
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น ผัก ผลไม้ รวมถึงอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน A และ D จะช่วยให้สิวดีขึ้น
การรับการรักษาจากแพทย์ผิวหนัง
หากการเกิดสิวยังไม่ลดลง หลังจากปรับในส่วนดังกล่าวข้างต้น อาจจะต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินอาการ ทำการรักษา และรับคำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับชนิดผิว และการป้องกันแสงแดด
การรับประทานยา
สำหรับสิวที่รุนแรง หรือไม่ดีขึ้นจากการใช้ยาทา แพทย์อาจจะสั่งยา เช่น แอนดรอเจนบล็อกเกอร์ หรือยาเรตินอยด์ให้
อย่างไรก็ตาม การรักษาสิวฮอร์โมน บางรายต้องใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ หลังจากเริ่มต้นการรักษาจึงจะเห็นผลลัพธ์ จึงจำเป็นต้องใช้ความอดทน และความใจเย็นควบคู่ไปด้วยกัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือบีบสิว เพราะอาจทำให้การอักเสบเพิ่มขึ้น และเกิดรอยแผลเป็นได้
สำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาผิวหน้าอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ผิวแข็งแรง และป้องกันการเกิดซ้ำของสิวในระยะยาว