กระดูกไม่ได้มีพัฒนาการแค่ในวัยเด็กหรือวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงชีวิตของเรา เมื่อเข้าสู่วัยทอง ความแข็งแรงของกระดูกมักจะลดลง และมักจะมีเรื่องของ “โรคกระดูกพรุน” เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง ที่จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้มากกว่าผู้ชาย
สาเหตุ
- การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
- กระดูกเริ่มสูญเสียความหนาแน่นเมื่อแก่ขึ้น โดยเฉพาะหลังวัย 50
- การทานแคลเซียมไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการเสริมสร้างกระดูก
- ขาดวิตามิน D ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้
- ออกกำลังกายน้อยเกินไป
- การทานยาบางประเภท เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ปัจจัยทางพันธุกรรม ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน ความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ก็จะสูงขึ้น
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก หรือการใช้ยาที่ทำให้สูญเสียมวลกระดูก
อาการ
- กระดูกเปราะและหักง่าย
- ปวดเมื่อย โดยเฉพาะแขน ขา หรือหลัง
- ส่วนสูงลดลง
- หลังค่อม เนื่องจากกระดูกสันหลังโค้ง
- สังเกตเห็นรูปทรงของกระดูกสันหลังชัดเจนขึ้น
การวินิจฉัย
- การวัดความหนาแน่นของกระดูก
- การถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์
- การตรวจร่างกาย อาจจะตรวจสอบอาการปวดของผู้ป่วย
- การสอบถามเกี่ยวกับประวัติของผู้ป่วย ว่าในอดีตเคยมีการหักของกระดูกหรือไม่
การรักษา
ยาที่ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก
Bisphosphonates เช่น alendronate (Fosamax), risedronate (Actonel), ibandronate (Boniva), และ zoledronic acid (Reclast)
Denosumab (Prolia) ฉีดผ่านทางหลอดเลือดและทำงานโดยยับยั้งกลไกที่ทำให้กระดูกสูญเสียความหนาแน่น
ยาที่เสริมสร้างกระดูก
Teriparatide (Forteo) และ Abaloparatide (Tymlos) เป็นยาที่มาจากฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ซึ่งส่งเสริมการสร้างกระดูก
ฮอร์โมนเสริม
Raloxifene (Evista) เป็นยาที่ส่งผลดีต่อกระดูกและลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม
การออกกำลังกาย
แบบ weight-bearing สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกและเพิ่มความแข็งแรง
การป้องกัน
- ผู้หญิงควรทานแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญสำหรับการสร้างและซ่อมแซมกระดูก
- การทานวิตามิน D ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม มีอยู่ในแสงแดด อาหาร และเสริมอาหาร
- การออกกำลังกาย เช่น เดิน วิ่ง หรือเต้นแอโรบิก
- ลดการบริโภคแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- การตรวจสุขภาพกระดูกเป็นประจำ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปี หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก
- การรักษาตามอาการและใช้ยาป้องกัน สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรค
- เพิ่มความปลอดภัยในบ้าน เช่น ติดตั้งราวบันได นำเอาสิ่งกีดขวางออก
- ป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเสื่อมของกระดูก
สรุป
โรคกระดูกพรุน เป็นสภาวะที่กระดูกสูญเสียความแข็งแรง เปราะบางและเสี่ยงต่อการหักง่าย การปฏิบัติตามแนวทางการรักษาที่แพทย์แนะนำ มีไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่ดี รับประทานอาหารมีประโยชน์ การออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมถึงบำรุงสุขภาพกระดูกอย่างต่อเนื่อง จะช่วยป้องกันการเสื่อมและกระดูกหักที่มีสาเหตุจากโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง